เฟรเดริก ฟรองซัวส์ โชแปง (Fryderyk Franciszek Chopin)

เฟรเดริก ฟรองซัวส์ โชแปง (Fryderyk Franciszek Chopin)

โชแปง เกิดเมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2353 (ตามบันทึกของสังฆมณฑลบอกว่าเป็นวันที่ 22 กุมภาพันธ์) ที่เมืองแชลาซอวาวอลา (?elazowa Wola)

ซึ่งตั้งอยู่ตอนกลางของประเทศโปแลนด์ บิดาของเขา นิโคลัสเป็นชาวลอแรนโดยกำเนิด พื้นเพมาจากเมืองมาแร็งวีล-ซูร์-มาดง (Marainville-sur-Madon)

มารดาเป็นชาวโปแลนด์ โชแปงเริ่มเรียนดนตรีตั้งแต่อายุหกขวบ (พ.ศ. 2359) และแต่งเพลงแรกเมื่ออายุเพียงเจ็ดขวบ (พ.ศ. 2360)

และเปิดการแสดงต่อสาธารณชนครั้งแรกเมื่ออายุแปดขวบ (ค.ศ. 1818) ครูสอนดนตรีคนแรกของโชแปงได้แก่ วอยแชค ชึฟนือ (Wojciech ?ywny) และหลังจากปี พ.ศ. 2369

(ค.ศ. 1826) เขาได้เข้ารับการศึกษาที่โรงเรียนดนตรีแห่งกรุงวอร์ซอ ซึ่งเขาได้รับการถ่ายทอดวิชาดนตรีจากโยเซฟ เอลส์เนอร์ (Joseph Elsner) เป็นหลัก

ในปี พ.ศ. 2373 (ค.ศ. 1830) เขาได้จากโปแลนด์ประเทศบ้านเกิดเพื่อมาประกอบอาชีพนักดนตรีที่ประเทศฝรั่งเศส

ซึ่งเขาได้ใช้ช่วงชีวิตที่เหลือพำนักอยู่ที่กรุงปารีสหรือไม่ก็ในบริเวณใกล้เคียง เขาตกหลุมรักสาวนางหนึ่งอย่างหัวปักหัวปำ

ความรักที่เขามีต่อหล่อนได้เป็นแรงบันดาลใจในการประพันธ์เพลง "บัลลาดหมายเลข 1 โอปุสที่ 23" ที่แสนไพเราะ รวมถึงมท่อนที่สองของคอนแชร์โตหมายเลข 1 ระหว่างปี

พ.ศ. 2381 (ค.ศ. 1838) ถึง 2390 (ค.ศ. 1847) เขาได้กลายเป็นชู้รักของจอร์จ ซ็องด์ (George Sand) นักประพันธ์นวนิยายชาวฝรั่งเศสผู้อื้อฉาว

แต่ในที่สุดก็ได้แยกทางกันด้วยความเต็มใจของทั้งสองฝ่ายเมื่ออาการป่วยของโชแปงทรุดหนัก ฉากหนึ่งของเรื่องราวความรักของคู่รักบันลือโลกที่ผู้คนจดจำได้ดีที่สุด

เห็นจะได้แก่เหตุการณ์ในเกาะมาจอร์กา ประเทศสเปน ในช่วงที่โชแปงใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่อย่างอนาถในบ้านชาวนาโดยปราศจากเครื่องทำความร้อน

บทเพลงเขาได้ประพันธ์ระหว่างช่วงเวลาอันน่าสังเวชนี้ได้แก่พรีลูด โอปุสที่ 28 อันพรรณนาถึงความสิ้นหวังของทั้งคู่

ช่วงเวลาดังกล่าวได้มีผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อสุขภาพของเขาที่ป่วยจากวัณโรคเรื้อรัง ทำให้เขาและจอร์จ ซ็องด์ ต้องตัดสินใจเดินทางกลับกรุงปารีสเพื่อรักษาชีวิตเอาไว้

เขารอดชีวิตมาได้ก็จริงแต่ก็ไม่หายขาด จนกระทั่งจบชีวิตอย่างน่าสลดด้วยวัยเพียง 39 ปี

โชแปงสนิทกับฟรันซ์ ลิซท์, วินเชนโซ เบลลีนี (ผู้ซึ่งศพถูกฝังอยู่ใกล้กับเขาที่สุสานแปร์ลาแชซในกรุงปารีส) และเออแฌน เดอลาครัว เขายังเป็นเพื่อนกับคีตกวีแอ็กตอร์

แบร์ลีโยซ และโรแบร์ท ชูมันน์ และแม้ว่าโชแปงจะได้มอบบทเพลงบางบทเพื่ออุทิศให้เพื่อนนักประพันธ์ทั้งสองก็ตาม

แต่เขาก็ไม่ค่อยประทับใจกับบทเพลงที่ทั้งสองแต่งขึ้นสักเท่าใดนัก เขาได้ขอร้องให้ร้องเพลงสวดเรควีเอ็มของโมสาร์ทในงานศพของเขา แต่เมื่อเขาเสียชีวิตลงในปี พ.ศ. 2392

(ค.ศ. 1849) พิธีศพที่จัดขึ้นที่โบสถ์ลามาดแลน (La Madeleine) ไม่ได้ราบเรียบเสียทีเดียว

เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่ได้มีการขออนุญาตให้ใช้วงประสานเสียงสตรีในการร้องเพลงสวด ข่าวอื้อฉาวดังกล่าวได้แพร่ออกไปส่งผลให้ต้องเลื่อนพิธีฝังศพออกไปอีกสองสัปดาห์

แต่ในที่สุดโบสถ์ก็ยอมรับคำขอดังกล่าว ทำให้คำขอร้องครั้งสุดท้ายของเขาเป็นจริงขึ้นมา

ผลงานทุกชิ้นของโชแปงเป็นผลงานชิ้นเอก รวมถึงเพลงบรรเลงสำหรับเปียโน ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้สำหรับการเดี่ยวเปียโน

งานประพันธ์ประเภทเรียบเรียงเสียงประสานมีเพียงคอนแชร์โตสองบท, โปโลแนซ (polonaise) หนึ่งบท, รอนโด (rondo) หนึ่งบท และวาริเอชั่นส์ (variations) อีกจำนวนหนึ่ง

ซึ่งทั้งหมดบรรเลงด้วยเปียโนและวงออร์เคสตรา เพลงเชมเบอร์มิวสิคมีเพียงห้าชิ้น สี่ชิ้นแรกแต่งไว้ตั้งแต่วัยเด็ก ชิ้นสุดท้ายเป็นโซนาตาสำหรับเชลโลและเปียโน

ซึ่งเป็นผลงานชิ้นสุดท้ายที่เขาได้นำออกแสดงต่อสาธารณชนร่วมกับโอกุสต์ ฟร็องชอม (Auguste Franchomme) เพื่อนของเขาผู้เป็นนักเชลโลเลื่องชื่อ

มิตรภาพได้ถูกถ่ายถอดมาเป็นความละเมียดละไมของเชลโล เนื่องจากเชมเบอร์มิวสิคของโชแปงได้ใช้เชลโลบรรเลงถึงสี่ในห้าชิ้นด้วยกัน

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

นักดนตรีเอกของโลก

นักดนตรีเอกของโลก โวล์ฟกัง อมาเดอุส โมสาร์ท